กรณีรถอยู่ระหว่างผ่อนชำระ ถ้าอยากรีไฟแนนซ์ สามารถทำได้เป็นปกติแต่มีการสอบถุามเข้ามามากว่าจะรีไฟแนนซ์ทำไมและจะคุ้มไหม ขออธิบายเป็นลำดับดังนี้ครับ
จุดประสงค์การรีไฟแนนซ์ เท่าที่พบจะมีดังนี้คือครับ
1.อยากได้ส่วนต่างเช่น รถยังติดไฟแนนซ์อยู่ 200,000 แต่ตอนนี้รถของเราสามารถ รีไฟแนนซ์ใหม่ได้อยู่ 400,000 เรายังมีส่วนต่างก่อนหักค่าใช้จ่ายอยู่ 200,000 การรีไฟแนนซ์เงินส่วนนี้ออกมา ดอกเบี้ยอยู่ตั้งแต่ 3.xx-6.xxขึ้นอยู่กับปีรถ แต่ดอกจะถูกกว่าบัตรเครดิตที่ 28% เยอะครับดีกว่าไปกดบัตรใช้ครับ
2.อยากผ่อนชำระน้อยลง เช่นผ่อนรถอยู่ 8,000 บาท/เดือน เหลือผ่อนชำระ 1 ปี การรีไฟแนน์ใหม่สมมติยอดจัดที่ 300,000 บาท ผ่อนใหม่ 6 ปี ดอกเบี้ย 4% ท่านจะผ่อนชำระเพียง 5,500 บาทเท่านั้น
3.การ รีฯ บางแบบ เช่น กรณีรถจะถูกยึด เพราะค้างชำระ สามารถจัดหาผู้ไว้ใจมาซื้อแบบซื้อขายกันเอง จะทำให้เรารักษารถไว้ได้(กรณีนี้ไม่แนะนำถ้ามูลค่ารถบวกดอกเบี้ย ของเราสูงกว่าราคาตลาด)
4.เหตุผลอื่นๆ เช่นอยากเปลี่ยนไฟแนนซ์ เพราะบางไฟแนนซ์ค่าทวงแพงเช่นผ่อน ช้าไป 2-3 วัน เก็บค่าติดตามทันที 400-1,000 บาทหรือโทรทวงบ่อยจนรำคา่ญ เป็นต้น หลักๆ ก็จะเจอเหตุผลข้างต้นนี้บ่อย ๆ ครับ ต่อมา
รถที่จะรีไฟแนนซ์ได้ต้องเข้าข่ายดังนี้คือครับ
1.ยอดค้างเก่า จะต้องน้อยกว่ายอดจัดใหม่ที่จัดได้( ยอดจัดใหม่สอบถามกับทางลิสซิ่ง หรือ ดีลเลอร์(ตามลิงค์หรือเบอร์โทรด้านล่าง) ยอดค้างเก่าเช็คยอดปิดกับทางลิสซิ่งเดิม
2.ประวัติการผ่อนชำระต้องไม่ผิดปกติ(ไม่ค้างเกินกว่า 3 งวดกรณีมีค้างชำระบ้าง 1 งวด หรือ 2 งวด ยังจัดได้ปกติครับ แต่ถ้าค้างสองงวดบ่อยๆ ทางลิสซิ่งจะลดยอดจัดลงประมาณ 5-10%)
3.ผู้กู้ต้องมีรายได้อย่างน้อย 2.5 เท่าของยอดผ่อนถ้าราชการแค่ 2 เท่าได้ครับ
ถ้าผ่านทั้งสามข้อต่อไปการ รี ฯ มีทางเลือกสามทางคือ
1.กรณีงวดผ่อนชำระเหลือน้อย(ประมาณ 8 งวดลงมาขึ้นอยู่กับแต่ละลิสซิ่งอาจแตกต่างกัน)ทางลิสซิ่งเดิมรับรีไฟแนนซ์ให้โดยอัตโนมัติถ้าท่านเป็นลูกค้าที่ดีลองสอบถามลิสซิ่งของท่านดูครับ
2.กรณีไม่เข้าข้อแรกแต่อยากรีไฟแนนซ์ เพราะ สามารถทำได้ด้วยตนเองโดยการหาเงินมาปิดบัญชีคงค้างและนำไปรีไฟแนนซ์
3.กรณีไม่เข้าข้อแรก และ ไม่สะดวกที่จะนำเงินสดไปปิดบัญชีเองตามข้อสอง แต่อยากรีไฟแนนซ์สามารถให้ คนกลาง(ดีลเลอร์ของบริษัทลิสซิ่ง) ปิดบัญชีนำเล่มไปรีไฟแนนซ์ได้โดยทางดีลเลอร์จะคิดค่าธรรมเนียมปิดบัญชี และ ค่าธรรมเนียมการจัดไฟแนนซ์

ข้อดีการรีไฟแนนซ์รถ
1.เงินส่วนต่างที่เรานำออกมาหมุนเวียนจะมีดอกเบี้ยเริ่มต้นเพียง 3.xx % แต่ถ้าเราเลือกเงินจากแหล่งอื่นเช่นบัตรเครดิตดอกเบี้ยจะอยู่ที่ 25-28%
2.ช่วยแบ่งเบาค่าใช้จ่ายรายเดือนโดย รี ฯ ให้ยอดผ่อนน้อยลงกว่าเดิม
3.การ รีฯแบบซื้อขายกันเองอาจจะทำให้เรารักษารถที่ เรารักไว้ได้
ข้อด้อยของการรีไฟแนนซ์รถ
1.ค่าใช้จ่ายในการรีไฟแนนซ์ มีพอสมควร เช่น ลิสซิ่งจะคิดค่า โอนย้าย รถ บวกกับ บังคับทำประกันภัยสำหรับรถที่จะรีไฟแนนซ์วงเงินเกิน 300,000 บาท( บางลิสซิ่ง 400,000 ) แต่ก็สามารถหลีกเลี่ยงได้ กรณีจัดไม่เกิน ที่ลิสซิ่งกำหนด หรือมีประกันภัยแล้วก็สลักหลังประกันัยใช้ที่เดิมได้ไม่ต้องทำใหม่ครับ (แต่สองกรณีหลังยังต้องจ่ายค่าเลี่ยงประกันให้กับลิสซิง ประมาณ 22% ของมูลค่ากรมธรรม์เดิม ) ส่วนของดีลเลอร์ (กรณีต้องให้ดีลเลอร์ปิดบัญชีให้) ก็จะมีค่าปิดบัญชีกี่% ขึ้นอยู่กับยอดปิดครับ และจะมีค่าธรรมเนียมในการจัดไฟแนนซ์ ค่าจัดนี่ก็เป็นพวกค่าเดินทางค่าจัดการเอกสารเล่มทะเบียนอะไรประมาณนี้ครับ แต่ถ้าเราพอหาเงินปิดบัญชีเองได้ ก็ประหยัดค่าใช้จ่ายส่วนของดีลเลอร์ไป แต่ของลิสซิ่งก็ต้องจ่ายปกติครับ(ไม่ต้องเตรียมตังค์นะครับ ลิสซิ่งหักจากยอดที่เรากู้ได้ครับ ของดีลเลอร์ ก็เช่นกันครับได้เช็คแล้วถึงจะไปเคลียร์กันหลังจากได้เงินครับ)
2.การรีไฟแนนซ์รถใช้เวลาประมาณ 3-5 วันทำการจึงจะได้เงิน(เร็วสุดประมาณ 2 วัน ) กดบัตรเครดิตไวกว่า แต่ กดบัตรดอก แพงกว่าเยอะเท่านั้นครับ อะไรที่ เร็ว ๆ ก็ต้องแลกกับดอกแรงสส์ ๆ ครับผม ถ้ารับได้ก็ลุยเลยครับ ถ้าอยากเซฟหน่อยก็เสียเวลาสักนิด
3.รีไฟแนนซ์ใหม่ ก็ต้องเสียดอกใหม่ ให้กับลิสซิ่ง ถึงแม้เวลาปิดบัญชี ลิสซิ่งจะมีส่วนลดดอกเบี้ยคงค้างให้ 50% ก็ยังต้องเสียอยู่ดี ยิ่ง รถ ปี เยอะ ๆ ดอกก็จะสูงขึ้นตามปีครับ

ข้อควรระวังและข้อเสนอแนะ
1.การรีไฟแนนซ์ แบบที่ลิสซิ่ง จะโทรมาให้เราเอาเงินเพิ่มโดยไม่ต้องเซ็นต์เอกสารอะไร หรือ เซ็นต์นิดหน่อย แล้วเอาเงินไปเลยไม่ต้องไปปิดบัญชี ย้า่ยไฟแนนซ์ ที่ลิสซิ่งเรียกว่า Top up ( ท๊อปอัพ) นั้นลิสซิ่งจะคิดดอกเบี้ยแบบ ลดต้นลดดอก โดยเฉลี่ยจะอยู่ประมาณ 15% ซึ่งสูงมาก ควรจะรีแบบปกติ มากว่าแบบ ท๊อปอัพ เพราะดอกเบี้ยต่างกันเยอะ ยุ่งนิดหน่อยแต่ประหยัดกว่าครับ
2.สถาบันการเงินบางประเภท ที่ให้ รี ฯ แบบไม่เช็คบูโร ง่ายแต่ดอกเบี้่ยประมาณ 18% นะครับให้ยอดจำกัดโดยปกติอยู่ประมาณ 40% ของราคาที่ลิสซิ่งใหญ่ๆ ให้ ระวังเรื่องดอกเบี้ยให้มาก ๆ ไว้นี่ก็ง่ายเหมือนกันได้เงินไว ตามโฆษณา แต่ดอกก็แรงสส์ ครับ ถ้ามีปัญหาบูโร เปลี่ยนคนซื้อ ดีกว่า ครับ ทำแบบซื้อขายกันเอง ประหยัดกว่าเยอะครับ
3.การรี ฯ แบบไม่เปลี่ยนชื่อ หรือวางเล่มทะเบียนนั้น ดอกเบี้ย ลดต้นลดดอก(Effective Rate)อยู่ที่ 6.6% ต่อปี (ไม่มี แวท ) แต่ถ้าเทียบกับดอกเบี้ยแบบผ่อนรถ (Flat Rate)แล้วจะแพงกว่ากันเป็นเท่าตัวครับ แนะนำถ้าไม่ซีเรียส รี ฯแบบเปลี่ยนชื่อโอนชื่อเป็นของลิสซิ่ง ๆ มีหลักประกันจะได้ดอกถูกกว่ากันเยอะครับ
ท่านรู้หรือไม่ ?
1.ไม่ต้องทำงานประจำเช่นขายของ ก็ รี ฯ ได้ครับ รายได้คนเดียวไม่พอก็กู้ร่วมได้ครับ
2.ข้าราชการ เงินเดือนโอนหักเยอะ เหลือน้อย ก็กู้ได้ครับ
3.ติดบูโร กู้ได้ หรือ แก้ปัญหาได้ครับ
4.ต่างจัวหวัด ทำได้กว่า 20 จุด ทั่วประเทศนะครับ ไม่ต้องเดินทางมา กทม
5.ทำการเกษตร มีรายได้เป็นฤดูการ กู้ได้ครับ
6.ประวัติผ่อนชำระดี ๆ กู้ได้ถึง 100% ของราคาประเมินครับ
7.นิติบุคคล รี ฯ ได้นะครับ